SKIN ALIVE ปลุกผิวให้สดใส มีชีวิตชีวา ด้วย VOLITEVOLITE HA งาน
ผิวตัวแรกและตัวเดียวที่ได้รับการอนุมัติจาก
US FDA - ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน Hydrate
- ผิวสวย คุณภาพดี จากภายในสู่ภายนอก Deeper
- เห็นผลนาน 9 เดือน Longer
VOLITE HA คืออะไร ?
Hyaluronic Acid เติมน้ำในผิว โดยดึงโมเลกุลน้ำ ให้เกาะกลุ่มกัน กักเก็บความชุ่มชื้นและอุ้มน้ำได้มากกถึง 1,000 เท่าของน้ำหนัก HA ทำให้ผิว ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ฉีดครั้งเดียวอยู่ได้นาน 9 เดือน
VOLITE เหมาะกับใคร
Volite เหมาะกับทุกสภาพผิว
- ผิวแห้ง
- ผิวมัน ขาดน้ำ*
- ผิวไม่เรียบเนียน
- มีริ้วรอยร่องตื้นๆ รอยย่น
- แต่งหน้าไม่ติดทน
*ผิวมัน ขาดน้ำ เกิดจากการที่เซลล์ผิวมีน้ำมาหล่อลี้ยงไม่พียงพอ ส่งผลให้กลไกธรรมชาติของผิวผลิตน้ำมันออกมาเพื่อชดเชยและ กักเก็บความชุ่มชื้นในผิว จึงทำให้ผิวหน้ามีความมันมากขึ้น
VOLITE คืออะไร ?
VOLITE ช่วยเติมความชุ่มชื้น ให้แก่ผิวชั้นหนังแท้โดยตรง
HYDRATE เพิ่มความชุ่มชื้นในผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยไฮยาสู่โรนิก แอซิด ที่ช่วยอุ้มน้ำและกักเก็บน้ำ ในชั้นผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นฉ่ำวาว รั่วรอยชั้นตื้นลดลง
DEEPER เพิ่มความชุ่มชื้นจากผิวชั้นลึก ช่วยปรับสภาพ พื้นผิวชั้นบน่ ทำให้ผิวมีคุณภาพดีจากภายในสู่กายนอก
LONGER กักเก็บความชุ่มชื้นยาวนานถึง 9 เดือน หลังฉีดเพียงครั้งเดียว1
ด้วย DUAL EFFECT1,2
- HA HYALURONIC ACID
- APQ3 APQUAPORIN-3
Effect 1: HA HA (ฮยาลูโรนิกแอซิด) เติมน้ำในผิว โดยดึง โมเลกุลน้ำให้เก๊าะกลุ่มกัน กักเก็บความชุ่มชื้น และอุ้มน้ำ ได้มากถึง 1,000 เท่า ของน้ำหนัก HA2-4 |
|
Effect 2: AQP3 ช่วยเพิ่มปริมาณ AQP3 (อควาพอริน3) ที่ทำหน้าที่ เป็นเสมือนประตูผ่านข้าออกของโมเลกุลน้ำ และ Glycerol ระหว่างชั้นผิว จึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังไต้ลึกขึ้น และนานขึ้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากผิวชั้นลึกสู่ผิวชั้นนอก2,5 ** AQP3 สามาถรับ-ส่งโมเลกุลน้ำได้มากถึง 3,000 ล้านโมเลกุล ต่อวินาที จึงส่งผลต่อความชุ่มชื้นผิวชั้นลึก |
AQP3 (อควาพอริน-3) คืออะไรAQP3 (อควาพอริน-3) เปรียบเสมือน "ประตู" ควบคุมการผ่านเข้าออกของน้ำ และสารให้ความชุ่มชื้น (Glycerol) ระหว่างชั้นผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ลึกขึ้น และนานขึ้น จึงช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากผิวในสู่ผิวชั้นนอก
จากการศึกษาทางคลินิก หลังฉีด VOLITE เพียงครั้งเดียว พบว่า AQU3 เพิ่มขึ้นในชั้นผิวอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด VOLITE
ภายใน 12 ชั่วโมงแรก
- งดการใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าและครีมบำรุงผิว
ภายใน 1 สัปดาห์แรก
- เลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ กิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- เลี่ยงการนอนคว่ำ
ภายใน 2 สัปดาห์แรก
- ควรหลีกเลี่ยงการจับ นวด บีบ หรือกดบริเวณที่ฉีด
- เลี่ยงการทำเลเซอร์บริเวณที่ฉีด
- เลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนจัด เช่น ตากแดด อบซาวน่า
พบแพทย์ : หลังฉีดแพทย์จะนัดให้คุณมาพบอีกครั้งภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อตรวจติดตามผล
โปรดปรึกษาแพทย์ : หากเกิดข้อสงสัย หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้น
ผลลัพท์ของ VOLITE
ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น อึ่มฟู ฉ่ำวาว
จากการศึกษาวิจัยพบว่าคุณภาพผิวและสภาพผิวดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อติดตามการรักษาผิวมีความชุ่มชื้นยาวนาน ถึง 9 เดือน หลังการรักษาเพียงครั้งเดียว
มีความปลอดภัย มีส่วนผสมของยาชา ช่วยลดความเจ็บระหว่างการฉีด ใช้เวลาการพักหน้าน้อย สามารถใช้ชีวิตปกติได้ในวันรุ่งขึ้นหลังฉีด
- ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นหางตา
- ลดรอยย่นจมูก หน้าผาก รอยขมวดคิ้ว
- หน้าใส ยกกระชับ
- ปรับรูปหน้า วีเชฟ ลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม
โบท็อกซ์ เป็นชื่อทางการค้าของสาร Botulinum toxin type A ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine ที่ปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อเล็กๆในบริเวณนั้นไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว ริ้วรอยย่นจึงลดลง การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย เหี่ยวย่น จะเริ่มสังเกตการเปลี่ยนแปลงประมาณ 3-7 วันหลังฉีดและคงผลอยู่นาน 3-4 เดือน ทั้งนี้ผลการรักษาแตกต่างกันได้บ้างในแต่ละบุคคล
ที่ 55th Clinic ใช้ Botox จากบริษัท Allergan ซึ่งเป็น Botulinum toxin ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และผ่านอย.ของประเทศไทยแล้ว
Botox คืออะไร ?
Botox เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botulinum toxin type A ลบริ้วรอยบริเวณหัวคิ้ว หนัาผากชั่วคราว รอยตีนกา ทำให้ผิวหนังด้านบนของกล้ามเนื้อเหล่านั้นเรียบขึ้น จึงมีการใช้สาร Botox กันอย่างแพร่หลายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีการทดสอบการใช้ Botox เป็นเวลากว่า 12 ปี เพื่อยืนยันผลการรักษาในคนกว่าล้านคนทั่วโลก จากการรักาาทางการแพทย์ต่างๆ
เรื่องลบริ้วรอยทำไมต้อง Botox?
ริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้นตามวัย การถูกแสงแดดบ่อยๆ ผลข้างเคียงจากการใช้เครื่องสำอางมากเกินไป ความเครียด และการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นประจำ เราสามารถทำให้ริ้วรอยที่ไม่พึงปรารถนาเหล่านั้นหายไปได้ด้วย Botox
ยับยั้งเหงื่อ ลดกลิ่นตัวง่ายๆ ด้วย Botox
เหงื่อออกมากผิดปกติ เป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นตัว ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจและผลกระทบต่อจิตใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน ถึงแม้ว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่ปัจจุบันมีวิธีรักษาที่ทำได้ง่าย ได้ผลดี และได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยา นั่นคือ การฉีด Botox ใต้ผิวหนังบริเวณที่มีเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
การปฏิบัติตัวก่อนและหลังการฉีด Botox
ก่อน
- หยุดใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ เอเอชเอ สครับขัดหน้า เป็นเวลา 1-2 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์
- หยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Naproxen, Motrin วิตามินอี น้ำมันปลา จิง. โกะ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อลดการเกิดฟกช้ำ
- งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
- ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปาก ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา
หลัง
- อย่านวด กด หรือกระทำการอันใดที่จะมีผลต่อบริเวณที่รักษา เช่น สวมหมวก สวมหมวกกันน็อค หรือนวดหน้า
- อย่านอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลาสี่ชั่วโมง
- งดการอยู่ในที่ร้อน เช่น อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อนเป็นเวลาสี่ชั่วโมง
- รอยนูนจากการฉีดจะหายไปเองภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง
- งดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนักหรือการเล่นโยคะเป็นเวลาสี่ชั่วโมงหลังการรักษา
- งดทายาหรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น กรดวิตามินเอ เอเอชเอ วิตมินซีเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
- พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยากระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
- สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำได้
- สามารถใช้เครื่องสำอางได้หลังการรักษาด้วนความนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการกดถู
- ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นผลการรักษาใน 2-7 วัน และเห็นผลการรักษาสูงสุดในสองสัปดาห์
- กลับมาพบแพทย์เมื่อมีข้อสงสัยหรือสิ่งผิดปกติใดๆ
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปในผิวหนัง เพื่อเติมเต็มริ้วรอย,ร่องลึกต่างๆ ให้ตื้นขึ้น และบริเวณที่ต้องการให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยไม่ผ่าตัด เช่น ร่องแก้ม และคาง หลังฉีดสารเติมเต็มคงผลอยู่นาน 6 เดือน-1ปี โดยที่ 55th Clinic ใช้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และผ่านอย.ของประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้ผลการรักษาและความคงทนอยู่นาน ของสารเติมเต็มแตกต่างกันได้บ้างในแต่ละบุคคล
ที่ 55th Clinic ใช้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) : Juvederm ซึ่งเป็นFiller ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และผ่านอย.ของประเทศไทยแล้ว
Juvederm ส่วนประกอบ Cross-Linked hyaluronic acid 24 mg, Phosphate buffer pH 7.2 q.s 1 g
ข้อบ่งใช้
Juvederm สามารถฉีดเข้าไปในเนื้อเยื่อสำหรับเติมเต็มรอยบุ๋มขนาดปานกลางของผิวหนัง โดยฉีดเข้าชั้น mid-dermis นอกจากนี้ยังมีข้อบ่งใช้สำหรับการเพิ่มหรือเติมเต็มริมฝีปาก (pouting of lips)
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล" )
ข้อห้ามใช้
- ห้ามฉีด Juvederm ที่เปลือกตา
- การใช้ Juvederm Ultra บริเวณพื้นที่ใต้นัยน์ตา (under-eye) ต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการ. ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีซึ่งมีความรู้ด้านสรีรวิทยาบริเวณนั้นเป็นพิเศษ
- ห้ามฉีดเข้าหลอดเลือด
- ห้ามฉีดเกินความเหมาะสม (overcorrect)
- ไม่ใช่ Juvederm สำหรับ
- คนไข้ที่มีแนวโน้มในการเกิดแผลเป็นชนิด hypertrophic scar
- คนไข้ที่แพ้ hyaluronic acid
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- เด็ก
- ไม่ใช่ Juvederm กับผิวหนังที่กำลังมีการอักเสบ และ/หรือกำลังติดเชื้อ (สิว, herpes เป็นต้น)
- ไม่ควรใช้ Juvederm พร้อมกับเลเซอร์ในการขัดผิวเพื่อให้ผิวเรียบ (deep chemical peels or dermabration) สำหรับผิวหนังชั้นนอก (surface peels) ไม่แนะนำให้ฉีดยานี้หากเกิดการอักเสบขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
วิธีการใช้ยา
ผลิตภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการฉีดเข้าชั้นหนังแท้ (dermis) หรือเยื่อบุผิวของริมฝีปาก (mucous membrane of the lips) โดยแพทย์สามารถใช้ nap page technique กับผลิตภัณฑ์นี้ ความเที่ยงตรงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การรักษาประสบผลสำเร็จ ผลิตภัณฑ์นี้จะต้องถูกใช้โดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนเทคนิคในการฉีดมาเป็นอย่างดี
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล" )
อาการไม่พึงประสงค์
- การอักเสบ ( แดง บวม ผื่นแดง เป็นต้น) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการคันหรือปวด (pain on pressure) หรือทั้งคู่ ซึ่งเกิดหลังการฉีดยา อาการนี้อาจเกิดหลังการฉีดยา 1 สัปดาห์
- ห้อเลือด เลือดจับก้อนตามช่องต่างๆ (haematomas)
- เกิดการแข็งตัวของเนื้อเยื่อ (induration) หรือปุ่ม (nodules) บริเวณที่ฉีดยา
- ได้ผลที่ไม่ดีหรือไม่เต็มที่
- คนไข้จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีถึงอาการอักเสบเรื้อรังที่เป็นมานานกว่า 1สัปดาห์ หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้น แพทย์ต้องให้การรักษาอย่างเหมาะสม
คำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังได้รับ Juvederm Ultra, Juvederm Ultra Plus และ Juvederm XC ชนิดกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid)
การปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์จากการฉีด Juvederm
- ภายใน 12 ชั่วโมงแรก งดการใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก เลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนจัด เช่น การตากแดดเป็นเวลานาน หรืออบซาวน่า และเลี่ยงการอยู่ในที่เย็นจัด เช่น การเล่นสกี
- หลังฉีด Juvederm แพทย์จะนัดให้คุณมาพบอีกครั้งภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อตรวจติดตามผล และอาจมีการฉีด Juvederm เพิ่มในกรณีที่จำเป็น
- หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ฉีด
สังเกตอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- คุณควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบหากเกิดอาการเหล่านี้
- การอักเสบ (บวม แดง ผื่นขึ้น) หรืออาการปวดซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังการฉีด 1 สัปดาห์
- อาการห้อเลือด เนื้อเยื่อแข็งตัว ผิวหนังเปลี่ยนสี หรืออาการผิดปกติอื่นใดซึ่งเรื้อรังนานเกินกว่า 1 สัปดาห์
- Juvederm จะมีประสิทธิภาพอยู่ได้นั้น ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยจึงยังควรเข้าพบแพทย์เป็นระยะ
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจากบริษัทAllergan
และขอขอบคุณคนไข้ เจ้าของภาพทุกท่านที่อนุญาตให้ประชาสัมพันธ์การรักษา&เข้ารับบริการที่ 55th Clinic
| | |
| | |
REVIEW งานผิว Volite
รีวิว : Filler ใต้ตา ปรับรูปหน้าสดใส ยกกระชับ โดย คุณหมอจุ๊ย (นพ.ชัยวัฒน์ ทรงศิริพันธุ์)
Seamless filler technique
ลงงานฟิลเลอร์ซักหน่อย
หลักการฉีดฟิลเลอร์ที่ดี ฟิลเลอร์จะต้องถูกวางในชั้นผิวที่ถูกต้อง ตำแหน่ง anatomy แม่นยำ ปลอดภัย ไม่ตื้นไม่ลึกจนเกินไป หลังฉีดแล้วผลลัพธ์ต้องเป็นธรรมชาติ ยิ้มแล้วไม่เป็นก้อน ใต้ตาไม่เป็นขอบกระด้ง (สมัยหัดฉีดฟิลเลอร์ใหม่ๆเคยเป็น) ดูดีขึ้นแบบคนอื่นดูไม่รู้ว่าไปฉีดฟิลเลอร์มา
ฟิลเลอร์หลังฉีดไปแล้วต้องไม่ไหลเปลี่ยนตำแหน่งและเนื้อฟิลเลอร์มี tissue integration ดีสามารถ blend เข้ากับผิวได้เรียบเนียน ส่วนตัวประทับใจเทคโนโลยี Vycross ของทาง Juvederm มาก เนื้อมันเรียบเนียน มี texture ให้เลือกใช้หลากหลายเพื่อ design ให้เข้ากับผิวของคนไข้ในแต่ละคน
อย่างในเคสนี้ฉีดไป 4 หลอดใช้ product 3 texture เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาลึกดูเหนื่อยล้า (ใครมีปัญหาใต้ตาลึกแล้วใช้ฟิลเลอร์เพียง 1-2 หลอดแก้คือบอกเลยว่ามีโอกาสได้ก้อนวุ้นใต้ตากลับไปสูงมาก)
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) | | ( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) |
ปล.ส่วนตัวเวลาฉีดฟิลเลอร์ให้คนไข้ผมจะ under correct ไว้นิดๆ เพราะผมชอบความเป็นธรรมชาติ (หน้าคนปกติมันต้องมีริ้วร่องบ้างนิดหน่อย) และถือหลักว่า"ฉีดน้อยไปดีกว่าเยอะไป" จากนั้นค่อยนัดคนไข้มาประเมินซ้ำหลังฉีดอีก 2-4 สัปดาห์
#seamlessfillertechnique #filler #AllerganAesthetics #juvederm #vycross
มาทำความเข้าใจ"Botox"กับหมอนุ่มค่ะ ;)
สวัสดีค่ะ หมอนุ่มนะคะ พอดีช่วงนี้มีคำถามเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องการฉีด botox นะคะ วันนี้หมอเลยจะมาอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของ botox ค่ะ
Botox คืออะไร
Botox เป็นชื่อทางการค้าของสาร Botulinum toxin type A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostidiumbotulinum
สาร Botulinum toxin มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของปลายประสาท บริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดย Botox จะเริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 2-3 วันหลังฉีด และออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 7-14 วันหลังฉีดค่ะ (หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
ประโยชน์ของ Botox
ปัจจุบันแพทย์ได้นำ สาร Botulinum toxin มาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น
- การนำมาใช้ในการรักษาโรค ตาเหล่ ตาเข
- โรคสมองพิการแบบ cerebral palsy
- โรคปวดศีรษะไมเกรน
- ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ หรือฝ่ามือในผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมาก
นอกจากนี้ยังมีการนำสาร Botulinum toxin มาใช้ประโยชน์ในทางความสวยงาม เช่น
- การลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า โดยการลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว รอบดวงตา
- นำมาฉีดบริเวณกรามเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
- นำมาฉีดบริเวณเหนียงที่คอเพื่อยกกระชับผิวหนัง และอื่นๆอีกมากมาย
ผลข้างเคียงของการฉีด Botox
- ผลข้างเคียงจากการฉีด botox อาจมีจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีดยา ซึ่งสามารถหายเองได้ในเวลา 1-2 สัปดาห์
- นอกจากนี้อาจมีเรื่องหนังตาตก หลับตาไม่สนิท ยิ้มมุมปากตก ได้หากสาร Botulinum toxin กระจายไปโดนกล้ามเนื้อบางบริเวณ แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปเองได้ในระยะเวลาไม่นาน และสามารถแก้ไขได้โดยการใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น
ผู้ที่มีข้อห้ามในการฉีด botox
ไม่แนะนำให้ใช้ botox ในหญิงตั้งครรภ์ หรือมารดาที่ให้นมบุตร ค่ะ
การปฏิบัติตัวหลังฉีด botox
- หลังฉีดห้ามนอนราบ
- งดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนักหรือเล่นโยคะ เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
- ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดยา
- ห้ามเข้า Sauna Steam
- งดทำเลเซอร์อย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์นะคะ
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ 55th Clinic ชั้น 3 Silom Complex นะคะ
ขอบคุณ บทความโดย :
คุณหมอนุ่ม (พญ. ชมเพลิน เสี้ยนสลาย) แพทย์ประจำ 55th Clinic
เวลาตรวจ : ทุกวันจันทร์ 16.00-20.00 น.
และขอบคุณเครดิตภาพประกอบบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต
รีวิวการปรับรูปหน้าให้มีมิติด้วยสารเติมเต็ม ( ฟิลเลอร์ )
( โดยคุณชิ้ง Beauty Blogger ประจำ Sanook Woman )
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
ทนใช้หน้าแบนๆมาเกือบทั้งชีวิต ได้แต่ฉีด Botox เป็นระยะๆ เพราะคิดว่าถ้ากรามเล็กลงหน้าจะเล็กตาม ซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่ค่ะ เพียงแต่ว่าเราทำอะไรให้ตัวเองได้ดีกว่านี้อีกเย๊อะ! ^___<
ชิ้งยอมรับว่าอายุขนาดเน้เพิ่งมาเข้าใจคำว่ามิติหน้าจากคุณหมอเชอรี่แห่ง 55th Laser Clinic ค่ะ คุณหมอยกตัวอย่างซะเห็นเป็นภาพเลย 555 คุณหมอเปรียบกับการแต่งหน้า ที่เราจะต้องมีส่วน Highlight เพื่อให้พุ่งออกมา และเราก็จะต้องเฉดดิ้งในส่วนที่อยากให้เล็กลง ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้ใบหน้าเกิดมิติสวยงามนั่นเอง พอรู้แบบนี้แล้วลองส่องกระจกดู จากที่ตัดสินใจมา Botox เพิ่ม เลยกลับลำมาบอก Filler ทันทีค่ะ 555 เค้าว่ากันว่าถ้ามีความเชื่อเท่าเมล็ดถั่ว เราก็สามารถเคลื่อนภูเขาได้ ดังนั้นวันนี้ชิ้งขอย้ายภูเขาโหนกแก้มให้อยู่ถูกที่ถูกทางแล้วกันนะคะ ถ้าพร้อมแล้ว ก็มาพิสูจน์ทฤษฎีนี้กันได้เลยจร้า ^___<
คุณหมอเชอรี่แนะนำ Filler ยี่ห้อ Juvederm จาก Allergan ให้ชิ้งค่ะ เพราะไม่เจ็บเนื่องจากมีส่วนผสมของยาชาในตัวซึ่งไม่เหมือนยี่ห้ออื่นๆ ปลอดภัยเพราะมี อย.เรียบร้อย แถมให้ผลลัพธ์แบบธรรมชาติและอยู่ได้นานเกือบ 2 ปีเลยทีเดียว ที่สำคัญเมื่อฉีดแล้ว ฟิลเลอร์จะไม่ไหลไปตำแหน่งอื่น และไม่ยุบตัวลงหลังฉีดเสร็จ
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
เมื่อพร้อมแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนแรกเลยค่ะ นั่นก็คือการลบหน้าออก วันนี้ request สุดใจเลยว่าขอเหลือคิ้วไว้ได้ม้ายยยย ซึ่งคุณหมออนุญาตค่ะ 555 ภาพอาจจะดูน่าตกใจไปบ้าง ช่วยมีสติกันด้วยนะคะ ^ ^’
วันนี้ชิ้งได้ฉีด Filler รุ่น Juvederm Voluma ค่ะ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องใช้เข็มแบบหัวทู่ (Blunt Cannula) ซึ่งเข็มค่อนข้างใหญ่และยาวค่ะ แอบกลัวเล็กน้อย แต่คุณหมอ รวมถึงผู้ช่วยหมอที่เคยฉีดมาก่อนหน้านี้ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เจ็บจิงจิ๊ง ชิ้งก็ค่อยใจชื้น จากนั้นคุณหมอก็บรรจงฉีดยาชาเข็มแรกให้ หลังจากนั้นคุณหมอก็ให้หลับตา เพราะพร้อมสำหรับการฉีด Juvederm Voluma แล้วค่ะ เข็มแรกเข้ามาทางรูเดียวกับที่ฉีดยาชาเลย จะได้ไม่มีแผลเยอะ ซึ่งไม่เจ็บจริงๆแฮะ แต่เสียวนะฮะ 555
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
คุณหมอดีไซน์มิติหน้าให้ชิ้งใหม่ทั้งหมดว่าควร lift ขึ้นตรงจุดไหน และห้ามเพิ่มตรงส่วนไหนเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ดูหน้าอ้วนขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ต้องอาศัยความชำนาญของคุณหมอมากๆเลยค่ะ เพื่อนๆคนไหนที่อยากทำ ต้องศึกษาให้ละเอียดเลยนะคะ เพราะขนาดดาราบางคนจากที่สวยอยู่แล้ว ไปเจอคุณหมอไม่เก่ง หน้าหมดสวยตั้งหลายคนแหน่ะ อย่างที่เราเห็นๆกันนั่นแหล่ะค่ะ ของดี ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเสียของ เน้อ? ซึ่งจากการวิเคราะห์ของคุณหมอ หน้าชิ้งด้านซ้ายจะ Fat Loss มากกว่าด้านขวา คุณหมอเลยฉีด Juvederm Voluma ด้านซ้ายเยอะหน่อยค่ะ เพื่อปรับให้ใบหน้าทั้ง 2 ด้านสมดุลกันมากขึ้น สรุปฉีดไปทั้งหมดเพียง 2ซีซีเท่านั้น รูปหน้าก็สวยขึ้นทันทีเลยค่ะ
เอาหล่ะ มาลองดูหลังฉีดเสร็จกันค่า
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
หลังการฉีด Filler Juvederm Voluma ถ่ายที่คลินิก
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
วันรุ่งขึ้นหลังการฉีด Filler Juvederm Voluma
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
หลังการฉีด Filler Juvederm Voluma เป็นวันที่ 2
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
เพื่อนๆน่าจะเห็นผลลัพธ์กันได้ชัดเจนนะคะ หน้าชิ้งดูหวานและได้มิติมากขึ้นเยอะเลย ซึ่งชิ้งชอบผลลัพธ์มากๆเลย ติดใจในประสิทธิภาพการ lifting ของฟิลเลอร์ตัวนี้มากๆ เพราะมหัศจรรย์มากกว่าแค่เป็นสารเติมเต็ม! คือมันธรรมชาติมากๆ นี่ถ้าไม่บอกใครว่าไปฉีดมา รับรองไม่มีใครรู้ มันดีงามตรงเน้ ^_< ตอนนี้ฉีดมาได้เกือบอาทิตย์แล้วค่ะ หลังการฉีด 30 วันคุณหมอขอนัดดูผลอีกที ว่าต้องปรับอะไรเพิ่มเติมมั้ย ซึ่งตื่นเต้นมากๆ ค่ะ อยากให้ครบกำหนดนัดเร็วๆ จัง อิอิ
ก่อนจะจบการรีวิวไป ชิ้งขอทิ้งท้ายด้วยข้อปฏิบัติหลังการฉีด Filler ดังนี้ค่ะ
- งดแต่งหน้าภายใน 12 ชม. หลังฉีดเสร็จ
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ 2-3 วัน เพื่อลดอาการแดง บวม
- งดทำเลเซอร์/ นวดหน้า บริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 2 อาทิตย์
- งดอบซาวน่า 2 อาทิตย์
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดและที่ที่เย็นจัด
“แล้วอีก 30 วันมาพบกับรีวิวภาคต่อกันนะคะ อิอิ”
( หมายเหตุ : "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
( Cr: ขอบคุณทีมงานจาก My Beauty Plan Channel และบริษัท Allergan Thailand ไว้ ณ ที่นี้นะคะ )
: คลิกชม
https://youtu.be/eEq6y1A6mJ8ติดต่อสอบถาม 55
th Clinic ,Silom Complex ชั้น 3
BTS ศาลาแดง MRT สีลม
02-2313394, 092-2738067
คุณหมอเชอร์รี่และคุณหมอจุ๊ยได้รับเชิญจากบริษัท Allergan ,Thailand มารับ Trophy รางวัล Award of Appreciation 2017 และร่วมงาน The Trust of Beauty ณ Centara Grand and Bangkok Convention Centre ,Central World ค่ะ
โดยที่ทีม 55th Clinic ได้รับเชิญมาร่วมงานเนื่องจากที่คลินิกเราดูแลลดริ้วรอย โดยใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินเอ หรือที่เรารู้จักกันว่า โบท็อกซ์ จาก USA และดูแลโดยคุณหมอทุกครั้งค่ะ
ขอบคุณอัลเลอร์แกนไว้ ณ ที่นี้นะคะ ;)