SEARCH
TREATMENT
Acne & Scar
สิวและแผลเป็นสิว
 
 
  • Acne & Acne scars
  • Sebaceous Hyplerplasia
  • Skin Rejuvenation
  • Periorbital & Perioral Wrinkles
  • No needle.  No surgery
 

( the result of a person's individual )

( the result of a person's individual )

( the result of a person's individual )


Smoothbeam is an advanced non-ablative laser for treating moderate to severe acne and acne scarring, and for collagen building. It provides the balance of controlled cooling of the epidermis with heating of the upper dermis, making it effective in reducing active acne and acne scars and in reversing some of the collagen loss that comes with aging, and allowing us to provide treatments with little or no down-time and without damage to the surface of the skin.

Versatile Diode Technology for Acne, Acne Scars and Wrinkles
The Smoothbeam 1450 nm diode laser is the first device specifically designed to target the root cause of acne, the sebaceous gland. It provides the perfect balance of controlled cooling of the epidermis with precise heating of the upper dermis. And for patients seeking smoother skin, Smoothbeam® safely improves acne scars and softens fine lines and wrinkles around the eyes.


( the result of a person's individual )


The Right Tool for dermal remodeling for Acne Scarring and Wrinkles
Smooth Out Acne Scars And Aging Skin
Smoothbeam® remodels collagen to reduce the appearance of wrinkles and acne scars

Renew skin while protecting it with DCD™

An integral part of the LASR process, Candela’s proprietary Dynamic Cooling Device (DCD™) cools and protects the epidermis before, during, and after each laser exposure. Its automated delivery of cryogen ensures the ideal balance of heating and cooling, allowing Smoothbeam® to deliver results with minimal patient downtime.

( the result of a person's individual )



Thank you
credit by US Dermatology Medical Group
Webpage / Candela Smoothbeam laser 
& Thank you our lovely patients for sharing experience treatment pictures at 55th clinic.

 
  


 






(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

สวัสดีค่ะ หมอเชอร์รี่นะคะ หมอตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา ชวนทุกๆคนที่รักสุขภาพผิว มาเตรียมผิวสู้อากาศร้อนกันค่ะ
 

มาดูกันค่ะ ว่าเวลาหน้าร้อนแบบนี้ เรากลัวปัญหาอะไรกันบ้าง ?

1. หน้าดำ กระ ฝ้า : มีใครไม่กลัวแดดกันบ้างไหมคะ? ยกมือขึ้น วิธีเตรียมตัวง่ายที่สุดคือ อย่างที่เราทราบกันนะคะ - ใส่หมวกปีกกว้าง ,กางร่ม, ทาครีมกันแดด ( สำหรับการเลือกครีมกันแดดอย่างไร? .. หมอได้เขียนไว้ในบทความถัดไปแล้วค่ะ )
  • สำหรับท่านที่ถามว่า มีวิธีไหน หรือตัวช่วยบ้างไหม ? ที่อยากให้หน้าใส ลดผิวหมองคล้ำ เตรียมพร้อมสู้แดด
  • ถ้าถามมาแบบนี้ ก็ต้องตอบว่า บำรุงผิวโดยเริ่มจากดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันก่อน เป็นการดีที่สุดค่ะ เริ่มตั้งแต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวตัวเองทุกวัน ทั้งกลุ่มทำความสะอาดผิว Makeup Cleansing , เจลหรือโฟมล้างหน้า, ครีมบำรุง
  • ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องเบื้องต้นที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วค่ะ แต่ทั้งนี้กรณีเร่งด่วน แบบว่า เราเรียน/ทำงานหนักมาตลอด ไม่ค่อยมีเวลาจะดูแลอย่างดีมาทุกวันนี่นา
.. แต่อยากไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาว แบบหน้าใส ไม่โทรมกับเค้าบ้าง ... ก็พอจะมีตัวช่วยบ้างค่ะ

ถามว่าเลือกตัวช่วยยังไงดี? พอถึงตรงนี้ ต้องขอเล่าถึงเครื่องมือแบบที่อธิบายหลักการของแต่ละเครื่องเข้าไปด้วยนะคะ ส่วนตัดสินใจจะทำแบบไหนขึ้นกับสภาพผิวและเวลาที่สามารถมาดูแลได้ของแต่ละคนด้วยค่ะ

มาดูกันค่ะ ว่ามีตัวช่วยอะไรบ้าง? ขออนุญาตเล่าแต่วิธี/เครื่องมือที่ 55th Clinic มีไว้ดูแลคนไข้นะคะ ;)

1.1 ) Infusion : เป็นการบำรุงผิวด้วยการผลักวิตามินผ่านกระบวนการที่เราเรียกทางการแพทย์ว่า Electroporation หรือถ้าอธิบายให้เห็นภาพ ทางบริษัทจากอเมริกาผู้ผลิตใช้คำว่า Meso-No needles ค่ะ

คือ เหมือนการเติมวิตามิน/สารอาหารให้ผิว โดยไม่ต้องใช้เข็ม และมีการทำวิจัยเทียบกับ Iontophoresis ว่าลงถึงระดับเซลล์ผิวได้มากกว่าวิธีดังกล่าวประมาณ 10 เท่า ดังนั้น Infusion จึงเหมาะกับผู้ที่อยากให้หน้าชุ่มชื้น ผิวดูกระจ่างขาวใสขึ้น ในช่วงเวลาจำกัดค่ะ โดยการทำ Infusion ใช้เวลา 1 ครั้งประมาณ 15-30 นาที ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละคน ถ้าถามความเห็นส่วนตัว หมอว่า เป็นวิธีที่สะดวกค่ะ นอกจากได้นอนพักนวดหน้า แล้วยังตื่นขึ้นมาหน้าดูมีน้ำมีนวลขึ้น ;) เหมาะไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีเวลาพักผ่อนน้อย แต่ต้องการกอบกู้ผิวให้ชุ่มชื้นค่ะ


(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 


1.2) Gentleyag Laser : เลเซอร์จากอเมริกาที่ทำได้ทุกสีผิว และทุกสภาพผิวค่ะ เนื่องจากเป็นเลเซอร์เย็น ; ที่เรียกแบบนี้เพราะเจ้าเลเซอร์ Gentleyag มีระบบ Cryogen เป็นไอเย็นปล่อยผ่านผิวชั้นบน พร้อมไปกับเวลาที่ยิงเลเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ไหม้จากแสงที่เปลี่ยนเป็นความร้อนใต้ผิวค่ะ

Gentleyag Laser เป็นเลเซอร์ในกลุ่ม Long Pulse NdYag 1064 nm ลงลึกถึงชั้น Dermis ใต้ผิวหนัง จึงทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวยกกระชับขึ้นด้วยค่ะ


(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

นอกจากนี้ Gentleyag Laser ผ่านช่วงที่มี Oxyhemogoblin ทั้งชั้นเม็ดเลือดแดง และเม็ดสีเมลานิน รวมถึงเส้นเลือด เมื่อแสงจากเลเซอร์มีปารดูดซับเม็ดสี จึงช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียน ลดจุดด่างดำ และยังนำมาใช้ลดเส้นเลือดฝอยได้ ทำให้ลดอาการแดงจากเส้นเลือดหรือผื่นแพ้ได้ด้วยค่ะ

อีกทั้งความยาวคลื่น 1064 nm ของ Gentleyag Laser ลงที่รากขน และรูขุมขน จึงทำให้นำมาใช้กำจัดขน กระชับรูขุมขน และลดสิวเสี้ยน ซึ่งเกิดจากการกระจุกกันของเส้นขนขนาดเล็กอยู่ในรูขุมขนได้ด้วยค่ะ

สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากปัญหาเส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ตา จึงสามารถนำ Gentleyag Laser มาลดปัญหานี้ได้ และช่วยลดริ้วรอยจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกันด้วยค่ะ

ผลที่คาดหวังจากการทำเลเซอร์ Gentleyag เท่าที่ลองกับตัวหมอเองและติดตามจากคนไข้จะรู้สึกคล้ายๆกันคือ ในวันถัดไปรู้สึกได้ว่า หน้านุ่ม เรียบเนียนขึ้น ด้วยความที่เป็นผู้หญิงและทางแป้ง จะรู้สึกว่าแป้งเนียนติดหน้ามากขึ้นค่ะ (ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ)

1.3) Peeling เป็นการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งขึ้นกับสารประกอบที่เราเล่อกใช้ในการทำ Peeling แต่ละครั้งค่ะ
โดยปกติผิวเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวเฉลี่ยทุก 28 วัน ดังนั้นการที่เราเลือกทำ Peeling คือ ต้องการให้ผลการผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น

สารประกอบในน้ำยา Peeling ปัจจุบัน มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิดค่ะ มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวลอกมาก ลดความมัน และทำให้หัวสิวแห้งไปด้วย หรือยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจำพวก Whitening agent ที่ใช้ปรับสีผิว ลดจุดด่างดำ เช่น วิตามินซี, Kojic , Arbutin , etc.

ดังนั้นผู้ที่เหมาะกับ Peeling ควรจะต้องผิวไม่แห้งมาก มีการบำรุงเตรียมผิวมาก่อนบ้าง หากมีแพลนจะไปทริปที่เลี่ยงแดดไม่ได้ ก็ยังไม่ควรทำนะคะ หรือควรปรึกษาแพทย์ประเมินจากสภาพผิวของท่านก่อนค่ะ

1.4) Fraxel ใช้หลักการ Fractional Laser ขออธิบายแบบภาษาง่ายๆค่ะ ว่าเปรียบเสมือนลำแสงที่หมุนผ่านผิวแต่ละชั้นของเรา ตั้งแต่ผิวหนังชั้นบน ( หนังกำพร้า/ชั้นขี้ไคล ) ผ่านลงไปถึงชั้นหนังแท้ ( Dermis ) และเจาะรูเล็กๆขนาดเป็นไมครอนใต้ผิวแต่ละชั้น โดยไม่มีเลือดออกบนผิวเนื่องจากแสงมีขบวนการ Coagulation ที่ห้ามเลือดในผิวเราไปในตัวค่ะ


(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

ถ้าลองนึกภาพตามที่หมออธิบายมานี้ ก็จะพอได้ไอเดียค่ะว่า Fraxel จึงนำมาช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายเรื่องเลย ทั้ง :-
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าหมองคล้ำ
  • ริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน
  • แผลเป็น รักษาหลุมสิว แผลผ่าตัด
  • กระชับรูขุมขน ลดหน้ามัน
  • ต่อมไขมันโต สิวเสี้ยน
  • ขนคุด ใต้วงแขนคล้ำ
  • ลดรอยแตกลาย
เนื่องจากลำแสงเลเซอร์ Fraxel ผ่านผิวแต่ละชั้น และจะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนด้วย ดังนั้นผู้ที่ต้องการทำ Fraxel หมอแนะนำว่า ควรมีการบำรุงและดูแลผิว ให้ไม่แห้งมากก่อนมาทำค่ะ และหากจะต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งควรงดไปก่อนนะคะ ถ้ามีแพลนที่เลี่ยงไม่ได้แนะนำว่า ให้เลือกวันทำ 2 สัปดาห์+/- ทั้งก่อนและหลังที่จะมีกิจกรรมกลางแจ้ง หรือมีงานสำคัญค่ะ เพื่อที่จะหน้าใสทั้งทีจะได้ไม่มีคนผิดสังเกตว่า เราแอบไปทำอะไรมาค่ะ

การทำ Fraxel เจ็บไหม? รู้สึกอย่างไร? ต้องดูแลอะไรพิเศษไหม? เมื่อไรเห็นผล?
มาถึงตรงนี้หมอขอตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวที่หมอได้ทำ Fraxel ไปนะคะ อาจจะแตกต่างจากบางท่าน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละท่านด้วยค่ะ

การทำ Fraxel เจ็บไหม?
มีการทายาชาก่อนทำ Fraxel 30 นาที จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บค่ะ

การทำ Fraxel รู้สึกอย่างไร?
- ขณะทำจะมีการเป่าลมเย็นช่วยให้ผิวสบายขึ้น และลดความร้อนจากแสงสะสมใต้ผิว อาจมีอาการร้อนวูบวาบ หรือรู้สึกแสบผิวขณะทำถึงหลังทำประมาณ 2-3 ชม.แรกค่ะ
- หลังจากนั้นแต่ละท่านอาจจะรู้สึกต่างกันค่ะ เนื่องจากปกติหมอค่อนข้างผิวแห้งและเป็นภูมิแพ้ ทุกครั้งที่ทำ Fraxel ผิวจะแดงนานประมาณ 3-7 วันขึ้นกับค่าพลังงานที่ปรับ แต่เมื่อจับผิวจะรู้สึกสากๆหน้า 3-5 วันแรกค่ะ

การทำ Fraxel ต้องดูแลอะไรพิเศษไหม?
- ควรระคายผิวให้น้อยที่สุด
- แนะนำว่า งดล้างหน้า งดแต่งหน้าประมาณ 12-24 ชม.หลังทำ
- และควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นหลังทำโดยเฉพาะ 1-2 สัปดาห์หลังทำ Fraxel
- เลี่ยงแดด ทาครีมกันแดด Spf 50 ขึ้นไปเป็นประจำ
- สามารถแต่งหน้าได้ในวันรุ่งขึ้น 12-24 ชม.หลังจากทำ Fraxel
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ความร้อน หรือการกระตุ้นเหงื่อ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองง่าย

การทำ Fraxel เมื่อไรเห็นผล?
- ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังทำจะเริ่มสังเกตได้ว่า หน้าขาวกระจ่างใสขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น

*ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพปัญหาผิวแต่ละท่านค่ะ โดยเฉลี่ยหลังการทำ Fraxel แต่ละครั้งช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้นประมาณ 10-30%ค่ะ

2. หน้ามัน สิวขึ้นง่าย รูขุมขนกว้าง
ปัญหาหน้ามันอาจจะเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน ไม่ใช่แค่หน้าร้อน สำหรับบ้านเรา จริงไหมคะ?
วิธีแก้ที่หมอลองรวบรวมจากการถามคนไข้นะคะ

2.1) กระดาษซับมัน
ถามว่า ใช้ได้ค่ะ แต่อาจแก้ปัญหาได้เป็นครั้งคราวนะคะ

2.2) เวชสำอางค์หรือผลิตภัณฑ์ที่มี Silicone เป็นส่วนประกอบ
การใช้ผลิตภัณฑ์จำพวก Silocone base ซับความมัน หรือให้ความรู้สึกว่า ผิวแห้งขึ้นบริเวณที่ทาเป็นครั้งคราวเช่นกันค่ะ แต่สารดังกล่างนี้จะไม่ได้ลงไปช่วยลดน้ำมันใต้ผิวนะคะ

2.3) การใช้กรดผลไม้
กรดผลไม้อยู่ในประเภทสารผลัดผิว ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ค่ะ แต่การใช้กรดผลไม้เป็นประจำ มีความเสี่ยงเช่นกันที่ทำให้ผิวบางจากการผลัดผิว และแพ้กรดผลไม้ ทำให้ระคายเคืองผิว อย่างไรก่อนจะเลือกใช้สารจำพวกกรดผลไม้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ

2.4) การใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ
เป็นยาที่ลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดหน้ามันได้ค่ะ แต่เมื่อมีการใช้ยา ก็มีความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการใช้ยา ดังนี้ค่ะ :-
  • สะสมที่ตับ ทำให้การทำงานของตับผิดปกติได้
  • ไม่สามารถใช้ในสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากมีผลกับการสร้างอวัยวะของเด็กในครรภ์
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ฉุนเฉียว ซึมเศร้า จากยา
  • สารคัดหลั่งและผิวแห้ง เช่น ตาแห้ง ปากแห้ง
  • มีผลข้างเคียงกับยายาปฏิชีวนะบางชนิด
2.5 ) เลเซอร์ Smoothbeam
หมอขอกล่าวถึงเฉพาะเลเซอร์นี้ เนื่องจากประสบการณ์ตรงกับการใช้ Smoothbeam ดูแลคนใกล้ตัว ญาติ และเพื่อนๆแล้วได้ผลดีนะคะ ;)

(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

หมอขอใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ในการอธิบายถึง Smoothbeam Laser ว่าทำงานอย่างไรค่ะ?
Smoothbeam Laser เป็นแสงที่ลงไปมีผลกับ Sebaceous Gland หรือต่อมไขมันใต้ผิวในชั้น Dermis ค่ะ ทำให้การทำงานของต่อมไขมันลดลงโดยขณะที่ทำ Smoothbeam Laser จะมีการปล่อยความเย็น Cryogen Spray ลงไปพร้อมกับลำแสง เพื่อไม่ให้มีการไหม้ผิว และไม่แสบร้อนผิวขณะทำ
ดังนั้นการทำ Smoothbeam Laser จึงไม่มีเลือดออก ไม่มีแผล ไม่มีรูเปิดของผิว

Smoothbeam นำมาลดหน้ามัน? รักษาสิวได้อย่างไร?
Smoothbeam Laser ทำงานโเยทำให้น้ำมันในต่อมไขมันค่อยๆแห้ง และลดการอักเสบของต่อมไขมัน อีกทั้งลำแสง Smoothbeam Laser ลงไปกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิวหนังในชั้น Dermis จึงเป็นการช่วยป้องกันรอยยุบตัว รอยบุ๋มจากสิว ด้วยค่ะ
เมื่อทำ Smoothbeam laser ต่อเนื่อง คนไข้จึงรู้สึกได้ว่า สิวยุบตัวลง เม็ดเล็กลง อักเสบน้อยลง จนไม่ขึ้นใหม่ และผลพลอยได้ที่เจ้าตัวจะรู้สึกได้คือ หน้ามันน้อยลง รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น จากการที่มีการกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิวค่ะ ;)
มาถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความที่ค่อนข้างยาวนี้ เอาเป็นว่า หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณเรื่องไหนที่ข้องใจ สามารถแวะมาปรึกษาหมอที่ 55th Clinic, Silom Complex ได้ตลอดนะคะ
หมอและคุณหมอทุกท่าน รวมทั้งน้องๆผู้ช่วยแพทย์ที่นี่ ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลทุกท่านเสมอค่ะ ;)

: เรียบเรียงบทความโดย พญ.สุรัติ อัศวานุชิต ( หมอCherry )
แพทย์ผู้บริหาร 55th Clinic, Silom Complex
ขอบคุณ คุณพราวแบ่งปันประสบการณ์การรักษาสิวที่ 55th Clinic ค่ะ
(เครดิตภาพและข้อความจากบล็อก https://healthy-sister.com/index.php/2018/09/26/acne-01/)

ปลื้มปริ่มประทับใจ ตอนนี้สิวพราวดีขึ้นแล้วค่ะทุกคนนน
มามินิรีวิวกันกับ Ep.1 ก่อน ว่าเป็นยังไง มายังไง รักษาแบบไหนบ้าง!



– พราวรักษาที่ 55th Laser Clinic นะคะ เรียกได้ว่าหาหมอครั้งแรกในชีวิตเลย เลือกมานาน ศึกษามานานมากกว่าจะตัดสินใจยอมหาหมอ ตอนแรกที่เข้าไปคือ สิวอักเสบที่คางหนัก สิวอุดตันที่คางหลายสิบจุดเล็กๆเยอะมาก แต่งหน้าละเห็นชัดสุดๆ

ซึ่งตอนนี้สิวอักเสบไม่ขึ้นแล้ว หรือขึ้นก็ยุบไวมากกกกเพราะโดนยิงปิ้วๆ (รอดูกันต่อไปตอนรอบเดือนนี้) และสิวอุดตันหายไปเกือบหมด มีขึ้นเล็กน้อยบ้างมากๆ จากพฤติกรรมการแต่งหน้า ทาครีม แต่ก็ค่อนข้างหลุดออกไปเอง รวมถึงคุณหมอกดให้บ้างเวลาไปเลเซอร์ค่ะ



– สิวอักเสบ l คุณหมอแนะนำให้ทำเลเซอร์ Smoothbeam เพื่อลดการอักเสบ/ลดการทำงานต่อม ไขมัน กับสิวอักเสบ ซึ่งเจ้าตัวนี้ เวลาทำจะเจ็บนิดๆ แบบ แป๊ะๆๆ แต่ทนได้ค่ะ! พราวสิวอักเสบไม่เยอะมาก จะเน้นบริเวณคาง ให้ความมันตรงนี้น้อยลงด้วยค่ะ ตอนนี้รู้สึกเลยตรงคางจะมันน้อยลงมากกก แต่งหน้าไม่ค่อยหลุด คอนซีลติดทนมากขึ้น ใช้ benzac 2.5% ควบคู่ค่ะ

– รอยสิว l พราวทำเลเซอร์ Gentleyag ค่ะ เป็นการลดรอยแดงต่างๆ อันนี้ไม่เจ็บ สนุกดีค่ะ ซึ่งรอยค่อนข้างจางไวเลย และคุณหมอเพิ่มการ Peeling ผลัดเซลล์ผิวให้พราวด้วย อันนี้จะเป็น bha เข้มข้นค่ะ รอยจางลงเยอะมากกแล้ว

– สิวอุดตัน l คุณหมอจุ๊ยที่ดูแลพราว จะคอยกดให้ถ้ามีน้องอุดตันขึ้นเวลามาเลเซอร์ค่ะ คุณหมอกดเองทุกเม็ด ย้ำ ทุกเม็ดดด เรียกได้ว่าละเอียดสุดๆ ลูบดู เม้มปากดู น้ำหนักมือดี (เจ็บดี) แต่สิวออกหมด ไม่มีอักเสบขึ้นมา รอยจางไว

คุณหมอแนะนำให้พราวใช้ puala choice BHA 2% ควบคู่กันไปด้วย ค่ะ แล้วก็มี Differen Gel ให้ทา หมอจะคอยถามเรื่องสกินแคร์ตลอดค่ะ กันแดดเอย ให้เราไม่เป็นขึ้นมาอีก



– ราคา l แล้วแต่การประเมินรักษาของหมอและการตัดสินของเราค่ะ ถามว่าแพงมั้ย ก็ค่อนข้างแพงนะคะถ้าเทียบกับการรักษาวิธีอื่น (ถ้าแบบบุฟเฟต์รายเดือนประมาณหมื่นนิดๆค่ะ) พราวแนะนำแบบเป็นแพคเกจมากกว่าเพราะว่าการเป็นสิวเนี่ย พราวว่ามันต้องต่อเนื่องค่ะ อย่าคาดหวังว่าการรักษาครั้งเดียวจะดีและเห็นผลมากๆ ไหนจะรอยสิวอีก ลองปรึกษาหมอเลือกคอร์สที่เหมาะกับตัวเองคุ้มกว่าค่ะ พราวใช้แบบบุฟ มาบ่อย มาถี่ ดีงามมาก



– ระยะเวลา l ตอนนี้พราวรักษามาประมาณเดือนนึงได้แล้วค่ะ ในภาพคือเทียบประมาณเดือนนึง พราวเข้าไปทำประมาณ 8-9 ครั้ง ค่อนข้างพอใจมากกกกก คือตอนนี้มันหายแล้วแบบ 70% เลยค่ะ เหลือแต่รอยที่ต้องสู้กันต่อไป กับรอดูว่ารอบเดือนที่จะมาถึง สิวฮอร์โมนจะบุกหนักแล้วอักเสบสู้ไหมมม แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าผิวหน้าตัวเองดีขึ้นแล้วมากๆ พร้อมสู้ค่ะ



รอรีวิวฉบับเต็มกันได้เลยนะคะ เพราะดีเทลมันค่อนข้างเยอะมากๆเลย แต่รอหายถึงจุดที่พราวพอใจก่อนน้า จะได้มาเขียนแบบละเอียดๆได้ดีค่ะ ตอนนี้ก็พยายามหาข้อมูล ปรึกษาคุณหมอเรื่องการดูแลตัวเองต่างๆ จะได้มาแชร์กันโน๊ะ
 
พิกัด – 55th Laser Clinic (Silom Complex Fl.3)
ติดบีทีเอสศาลาแดงเลยค่ะ เดินทางสะดวกมากๆ
ลงสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @55thclinic หรือ https://www.facebook.com/55laser/ ได้เลยค่ะ
ลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ